ลดแขนด้วยดัมเบล ใครเป็นมือใหม่ก็สามารถทำได้มีใครในที่นี่ประสบปัญหาต้นแขนใหญ่หรือต้นแขนหย่อนยานกันบ้างไหมคะ ซึ่งปัญหาเหล่านี้ก็เป็นเรื่องกวนใจของใครหลายคนไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะไม่ว่าจะใส่ชุดไหนก็ดูล่ำบึกไปซะทุกอย่าง ยิ่งเราต้องเผชิญกับสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าวด้วยแล้ว การใส่เสื้อแขนยาวก็อาจไม่ตอบโจทย์เท่าไหร่ แต่ถึงอย่างไรทุกปัญหาก็ย่อมมีทางออกเสมอ เพราะในวันนี้เราได้รวบรวมท่าลดแขนด้วยดัมเบลแบบง่ายๆ มาให้ทุกคนกัน บอกเลยว่าแต่ละท่าที่คัดมานี้ จัดได้ว่าเป็นท่าที่สายสุขภาพชอบออกกันมากๆ ถ้าได้ออกท่าเหล่านี้กันแล้วรับรองเลยว่าต้นแขนของทุกคนจะมีความฟิตขึ้นอย่างเห็นได้ชัดตั้งแต่สัปดาห์แรกเลยล่ะ พูดแล้วอาจจะดูเวอร์ไปสักหน่อยแต่ถ้าได้ลองทำจริงๆ แล้ว ต้องพูดเลยว่าผลลัพธ์เวอร์กว่ามาก ฉะนั้นแล้วถ้าใครอยากมีต้นแขนที่เรียวเล็กดังใจหวัง งั้นเรามาลดแขนด้วยดัมเบลกันเลยดีกว่าค่ะ
สุดยอดท่า ลดแขนด้วยดัมเบล เห็นผลตั้งแต่ 1 สัปดาห์แรก!
1.ท่าลดแขนด้วยดัมเบล ท่าที่ 1
เริ่มกันที่ท่าเบสิกสไตล์มือใหม่หัดยกดัมเบลกันก่อนเลย โดยท่านี้ให้เริ่มจากการยืนตรงแล้วกางขาออกเล็กน้อย จากนั้นหยิบดัมเบลทั้ง 2 อันขึ้นไว้ที่มืออย่างละข้าง (หากใครไม่มีดัมเบลสามารถใช้ขวดน้ำ 1.5 ลิตรแทนได้) จากนั้นยกดัมเบลขึ้นมาไว้ด้านหน้าลำตัว แล้วยกดัมเบลลงไปที่สะโพก ทำสลับแบบนี้จนกว่าจะครบ 20 รอบ แล้วทำต่อไปเรื่อยๆ อีก 4 เซ็ต
2.ท่าลดแขนด้วยดัมเบล ท่าที่ 2
ท่าที่ 2 จะเป็นท่ายกดัมเบลแบบนั่ง โดยพยายามให้หลังเหยียดตรง จากนั้นใช้มือทั้งสองข้างยกดัมเบลหรือขวดน้ำขึ้นมาไว้ระหว่างศรีษะ แล้วใช้แขนข้างซ้ายยกดัมเบลขึ้นจนสุดแขน และกลับท่าเดิม พร้อมกับสลับไปทำด้านขวาแล้วยกขึ้นเหมือนเดิม เมื่อทำครบทั้งสองข้างแล้วให้นับเป็น 1 ครั้ง จากนั้นทำต่ออีก 20 ครั้ง จำนวน 5 เซ็ต หรือถ้าใครรู้สึกชินแล้วสามารถปรับจำนวนเซ็ตขึ้นได้ตามใจชอบ
3.ท่าลดแขนด้วยดัมเบล ท่าที่ 3
สำหรับท่ายกดัมเบลท่าที่ 3 นี้จะมีความคล้ายคลึงกับท่าที่ 2 แต่จะแตกต่างกันตรงที่ท่านี้จะยกดัมเบลทั้งสองข้างขึ้นพร้อมกัน โดยนั่งแยกขาให้กว้างขึ้นสักหน่อย แล้วนั่งติดกับพนักพิงของเก้าอี้ได้เลย จากนั้นทำท่านี้ 20 ครั้ง จำนวน 5 เซ็ตค่ะ ซึ่งต้องบอกเลยว่าท่านี้จะง่ายกว่าท่าแรกอยู่มาก แต่เรื่องความเมื่อยก็แอบเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน แต่รับรองเลยว่าถ้าได้ทำท่านี้เป็นประจำทุกวัน จะช่วยให้ต้นแขนกระชับขึ้นได้ไม่ยาก
4.ท่าลดแขนด้วยดัมเบล ท่าที่ 4
ท่าที่ 4 ยังคงเป็นท่านั่งเหมือนเดิม แต่ท่านี้จะเปลี่ยนจากการใช้ดัมเบลคู่เป็นดัมเบลเดี่ยวแทน เริ่มแรกให้นั่งหลังตรงแล้วใช้มือข้างหนึ่งวางไปที่เก้าอี้แบบสบายๆ ส่วนมืออีกข้างให้ยกดัมเบลขึ้นเหนือศรีษะจนสุดแขน แล้วงอแขนไปด้านหลังทำแบบนี้ข้างละ 20 ครั้ง จำนวน 5 เซ็ต เมื่อทำครบแล้วให้สลับไปทำอีกข้างค่ะ
5.ท่าลดแขนด้วยดัมเบล ท่าที่ 5

ท่าสุดท้ายสามารถเลือกนั่งหรือยืนก็ได้ โดยให้ใช้ดัมเบลเดี่ยว จากนั้นใช้มือทั้งสองข้างประคองดัมเบลขึ้นมาไว้เหนือศรีษะ แล้วยืดแขนทั้งสองไปให้สุดแขน จากนั้นยกดัมเบลไปด้านหลังศรีษะ ทำสลับกัน 20 ครั้ง จำนวน 5 เซ็ตค่ะ
วิธีเลือกดัมเบลให้เหมาะสมกับผู้เล่น

สำหรับใครที่เป็นมือใหม่หัดออกกำลังกาย เริ่มแรกอาจลองใช้ขวดน้ำ 1.5 แทนการใช้ดัมเบลไปก่อน แต่เมื่อร่างกายรู้สึกชินแล้วให้เปลี่ยนมาใช้ดัมเบลแทน ซึ่งวิธีการเลือกดัมเบลให้เหมาะสมกับผู้เล่น สามารถพิจารณาได้ดังนี้เลยค่ะ
1.เลือกประเภทของดัมเบล
หากใครเป็นมือใหม่ และไม่รู้ว่าจะเลือกดัมเบลประเภทไหนดี ก่อนอื่นเลยเราต้องทำความรู้จักกับประเภทของดัมเบลแต่ละชนิดกันก่อน โดยประเภทของดัมเบลจะมีหลักๆ ให้เลือก 2 ประเภท คือ ดัมเบลที่ไม่สามารถปรับน้ำหนักได้ ซึ่งดัมเบลประเภทนี้จะเหมาะสำหรับมือใหม่หัดออกกำลังกายเป็นอย่างมาก เนื่องจากน้ำหนักของดัมเบลจะมีน้ำหนักไม่เกิน 2 กิโลกรัม ซึ่งแตกต่างจากดัมเบลแบบปรับน้ำหนักได้ ที่ผู้เล่นสามารถเลือกน้ำหนักได้ตามต้องการ ส่วนมากแล้วดัมเบลประเภทนี้จะใช้กับผู้ที่ออกกำลังกายเป็นประจำ และอยากเพิ่มความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อเป็นหลัก
2.การเลือกน้ำหนักของดัมเบล
โดยทั่วไปแล้วดัมเบลจะมีให้เลือกหลากหลายขนาดด้วยกัน โดยจะเริ่มตั้งแต่ขนาดเบาสุด 0.5 แล้วค่อยไต่ระดับไปจนถึง 10 กิโลกรัม แต่ถ้าผู้หญิงคนไหนที่เป็นมือใหม่ขอแนะนำให้เริ่มจาก 2 กิโลกรัมก่อนแล้วค่อยเพิ่มไปทีละระดับ ส่วนผู้ชายที่เพิ่งเริ่มเล่นควรเริ่มจาก 5 กิโลกรัมเป็นต้นไป เมื่อร่างกายเริ่มชินแล้วค่อยเพิ่มน้ำหนักขึ้นประมาณร้อยละ 25 จากน้ำหนักดัมเบลเดิม แต่บางครั้งการเลือกดัมเบลเราควรคำนึงถึงความเหมาะสมด้วย เพราะหากร่างกายของเรายังไม่มีกล้ามเนื้อที่แข็งแรงมากพอ เมื่อยกดัมเบลที่มีขนาดหนักอาจทำให้เกิดอาการบาดเจ็บขึ้นได้
3.เลือกวัสดุของดัมเบล

จริงๆ แล้วดัมเบลไม่ได้มีวัสดุแค่แบบเหล็กเปลือยอย่างเดียวเท่านั้น แต่ดัมเบลยังมีแบบเหล็กหุ้มยาง และพลาสติกอีกด้วย ซึ่งคุณสมบัติของดัมเบลแต่ละแบบก็จะแตกต่างกันออกไป หากใช้ดัมเบลเหล็ก จะมีข้อดีตรงที่วัสดุมีความแข็งแรง สามารถหาซื้อได้ง่าย แต่ข้อเสียของดัมเบลประเภทนี้จะเกิดสนิมได้ง่าย หากเราวางไว้ในที่ที่มีความชื้น ส่วนดัมเบลแบบเหล็กหุ้มยาง จะเป็นดัมเบลที่ผลิตจาก เหล็กเหมือนกับดัมเบลแบบแรก แต่ภายนอกจะหุ้มไว้ด้วยยาง จึงป้องกันการตกหล่นได้ดี ด้วยวัสดุที่ออกแบบมาเป็นยางจึงทำให้จับถนัดมือ และสามารถทำความสะอาดได้ง่าย แต่ข้อเสียของดัมเบลประเภทนี้จะมีราคาที่ค่อนข้างสูงกว่าดัมเบลแบบเหล็ก สำหรับดัมเบลยางหรือพลาสติก เป็นดัมเบลที่สามารถพบเจอได้บ่อยตามฟิตเนสหรือห้างสรรพสินค้า โดยดัมเบลชนิดนี้มักผลิตมาจาก PVC และพลาสติกเป็นหลัก ทั้งยังมีขนาดที่เล็ก และสามารถนำออกมาล้างทำความสะอาดได้ง่าย ซึ่งถ้าเป็นมือใหม่หัดออกกำลังกาย ดัมเบล 2 ประเภทหลังจะเหมาะสมที่สุดค่ะ
หากใครเป็นมือใหม่หัดออกกำลังกาย อย่าลืมนำท่าลดแขนด้วยดัมเบลที่ เรารวบรวมมาให้กันในวันนี้ ไปลองปฏิบัติตามกันดูนะคะ รับรองว่าทุกคนจะมีต้นแขนที่เรียวเล็ก ได้ไม่ยากเลย ส่วนใครที่อยากซื้อดัมเบลมาใช้งาน ก็อย่าลืมคำนึงถึงขนาด และน้ำหนักของดัมเบลกันด้วยนะคะ